top of page
อาหารสุขภาพ

Page [1]

Page [1]

สารพัดประโยชน์ เห็ดนานาชนิด

คัดบทความจาก  :  lovefitt.com

รวมรวมบทความโดย : Sarot2555 / Nun Dao

Page [2]

สารพัดประโยชน์ เห็ดนานาชนิด

       

        เห็ด เป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการประสานเส้นใยจำนวนมากของ เชื้อราชั้นสูง และถึงแม้เห็ดจะขาดกรดอะมิโนบางตัวไปบ้าง แต่ในเรื่องของรสชาติ และเนื้อสัมผัสนั้น รับรอง ว่าเห็ดไม่เป็นรองใครในยุทธจักรอาหารอย่างแน่นอน  ที่สำคัญเห็ดยังให้คุณค่าทางโภชนาการ และมีสรรพคุณ

ทางยา ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น

 

จุดเด่นของเห็ด

        เห็ดจัดเป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ และยังเป็นแหล่ง โปรตีนที่ดี  เมื่อเทียบกับผักอีกหลายชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติและกลิ่นที่ชวนรับประทาน ซึ่งรสชาติที่โดดเด่นนี้ มาจากการที่เห็ดมีกรดอะมิโนกลูตามิคเป็นองค์ประกอบ  โดยกรดอะมิโนตัวนี้จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นประสาท การรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ ไวกว่าปกติ และทำให้มีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์  นอกจากนี้เห็ดยังอุดมไปด้วย

วิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม (ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ในส่วนของเกลือแร่ เห็ดจัดเป็นแหล่งเกลือแร่ที่สำคัญ โดยมีเกลือแร่ต่างๆ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้าน

อนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โปแตสเซียม ทำหน้าที่ควบคุม จังหวะการเต้นของหัวใจ สมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ลดการเกิด โรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต ส่วนทองแดง ทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงาน ของธาตุเหล็ก

 

สรรพคุณของเห็ด

        เห็ดมีองค์ประกอบของพฤกษเคมีที่ชื่อว่า “โพลีแซคคาไรด์”(Polysaccharide) จะทำงานร่วมกับ

แมคโครฟากจ์ (macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์คุ้มกันขนาดใหญ่ที่ออกจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อ  และจะไปจับกับ โพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหาร และนำไปส่งยังเซลล์คุ้มกันตัวอื่นๆ  โดยจะช่วยกระตุ้นวงจรการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย  เสริมและช่วยเพิ่มปริมาณ และประสิทธิภาพของเซลล์คุ้มกันธรรมชาติ  ให้ทำหน้าที่ ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย  รวมถึงพวกไวรัสและแบคทีเรียอื่นๆด้วย  

        เห็ดที่มีปริมาณ สารโพลีแซคคาไรด์สูง คือ  เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะ เห็ดนางรม  เห็ดหูช้าง และเห็ดกระดุม เป็นต้น และเห็ดอื่นๆ ที่นิยมนำมารับประทาน ได้แก่ เห็ดหลินจือ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดกระดุมหรือแชมปิญอง เห็ดโคน และเห็ดเข็มทอง เป็นต้น   นอกจากนี้ยังสามารถใช้เห็ดเป็นยาได้อีกด้วย ซึ่งสรรพคุณทางยาของเห็ดมีมากมาย เช่น ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ  เช่น  สมอง  หัวใจ  ปอด  ตับ  และระบบไหลเวียนของโลหิต เนื่องจากชาวจีนจัดเห็ดเป็นยาเย็น  เพราะมีสรรพคุณช่วยลดไข้ เพิ่มพลังชีวิต ดับร้อนใน แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย ลดระดับน้ำตาล  และคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดความดัน ขับปัสสาวะ ช่วยให้หายหงุดหงิด บำรุงเซลล์ประสาท รักษาอาการอัลไซเมอร์ และที่สำคัญ คือ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

Page [3]

ประโยชน์ทางการแพทย์ของเห็ดชนิดต่างๆ

เห็ดหอม หรือ เห็ดชิตาเกะ 

        เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง พอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณ โซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต  นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด  ชาวจีนยกให้ เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”

เห็ดหูหนู

        เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต

เห็ดหลินจือ

        มีสารสำคัญ เบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง  และโรคความดันโลหิตสูงปัจจุบันยังมีการนำไปเป็นส่วนผสมของ เครื่องสำอางค์อีกด้วย  เพราะมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ  ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย  รวมทั้งกระตุ้น ภูมิคุ้มกันไวรัส

เห็ดกระดุม หรือ เห็ดแชมปิญอง

        รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง  มีบทบาทในการ รักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์ "อะโรมาเตส (aromatase)" ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมด ประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ให้น้อยลงตามไปด้วย

เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า และเห็ดเป๋าฮื้อ

        เห็ดสามอย่างนี้อยู่ตระกูลเดียวกัน เจริญเติบโตเป็นช่อๆ คล้ายพัด  เห็ดนางรมมีสีขาวอมเทา  เห็ดนางฟ้ามีสี ขาวอมน้ำตาล ขณะที่เห็ดเป๋าฮื้อจะมีสีคล้ำและเนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์มากกว่า  เชื่อว่าสามารถ ป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และ โรคกระเพาะได้

เห็ดฟาง

        เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา  หาซื้อ ได้ง่ายตาม ท้องตลาด ให้วิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด  หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริม ภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล

Page [4]

 เห็ดเข็มทอง

        เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง

เห็ดโคน

     ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ  การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่า น้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบาง ชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์

       .....ได้ทราบประโยชน์ของเห็ดมากมายกันแล้ว ซึ่งแต่ละชนิดก็มีประโยชน์แตกต่างกันไป  หากชอบเห็ดชนิดใด เป็นพิเศษก็หาซื้อมารับประทานกันได้ตามใจชอบ   เพราะไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ล้วนแล้วแต่ มีประโยชน์ทั้งนั้น “เด็กก็ทานได้ ผู้ใหญ่ก็ทานดี”

Credit : ภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา

                http://www.lovefitt.com/healthy-fact/สารพัดประโยชน์ของเห็ดนานาชนิด/

Page [5]

 มหัศจรรย์น้ำเห็ด 5 อย่าง

        ว่ากันว่าการที่ "เห็ด" เป็นอาหารมหัศจรรย์นั้น มีสาเหตุมาจากฤดูการเกิดที่ไม่เหมือนกับพืชผักชนิดอื่นๆ เพราะใช้เวลาเพาะเพียงสั้นๆ ในขณะที่จำนวนผลิตผลที่ได้นั้นมากมายดาษดื่นเหลือเกิน  ถึงเวลางอกงามแต่ละทีก็ผุด ขึ้นราวกับตั้งนาฬิกาปลุกธรรมชาติ พอใกล้เวลาก็มุดหายลงดิน เก็บตัวเงียบรอเวลา  อีกครั้ง     

           ปัจจุบันเห็ดที่เรานิยมรับประทานกันมีอยู่มากมายหลายชนิด มีทั้งแบบสด บรรจุกระป๋อง หรือแม้แต่เห็ดตากแห้ง ซึ่งความนิยมในการรับประทานมีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรูปแบบ  และรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างจากอาหารประเภทพืช ผักด้วยกัน  รวมทั้งการที่คนหันมานิยมรับประทานอาหารแบบมังสวิรัติกันมากขึ้น  ก็ทำให้เห็ดถูกนำมาใช้ปรุงอาหาร แทนเนื้อสัตว์มากขึ้นตามไปด้วย มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่าเห็ดมีคุณสมบัติป้องกันโรคได้
           ตัวอย่างเช่น  ในประเทศจีนและญี่ปุ่น นิยมนำเห็ดมาปรุงเป็นน้ำแกง น้ำชา ยาบำรุงร่างกาย และยารักษาโรค ต่างๆ มีการทำวิจัยเกี่ยวกับเห็ดมากว่า 30 ปี   ยืนยันว่าในเห็ดมีสารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิ คุ้มกัน  และลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ  และช่วยในการต้านมะเร็งหลายๆ ชนิดได้ด้วย 
            ด้วยคุณประโยชน์มากมายจาก  "เห็ด"  ทำให้พัฒนาการแปรรูปผลผลิตจากเห็ดมาทำเป็น  เครื่องดื่มบำรุง สุขภาพ  โดยเครื่องดื่มดังกล่าวสกัดมาจากเห็ด 5  ชนิด ซึ่งได้แก่ เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้าภูฏาน และเห็ดนางรมฮังการี เห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว และผสมน้ำผึ้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ช่วยในเรื่องเป็นยาอายุวัฒนะ
            เมื่อเห็ดทั้ง 5 รวมตัวกัน สกัดออกมาเป็นเครื่องดื่ม   เเน่นอนว่าก่อนหน้านั้นทุกคนเห็นว่าเห็ดเพียงชนิดเดียว ก็สามารถให้ประโยชน์แก่สุขภาพร่างการหลายด้านแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อของดีทั้ง 5 รวมตัวกัน ประโยชน์นานัป ประการ  ที่ผู้บริโภคจะได้รับนั้นย่อมเพิ่มขึ้นทวีคูณ  เราลองมาวิเคราะห์ถึงประโยชน์แต่ละด้านที่จะได้รับจากเห็ดกัน เลยดีกว่า

Page [6]

 นานาสารอาหารจากเห็ด

            เห็ดเป็นอาหารที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาล และเกลือต่ำมาก  แถมยังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง เมื่อเทียบกับโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี วิตามินบีรวม ซีลีเนียม โปแตสเซียม และทองแดง จึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงที่ควรเลือกรับประทานเป็นประจำ 
 

            - โปรตีน  เมื่อนำเห็ด 5 อย่างมารวมกันประกอบอาหารแล้ว จะได้โปรตีนจากเห็ดที่ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้ ง่ายที่สุด ง่ายกว่าเนื้อสัตว์   โปรตีนจากเห็ดจะไปสร้างกรดอะมิโนที่บำรุงสมองปรับสมดุลของ การสร้างเซลล์ใหม่ใน ร่างกาย ต้านการเกิดมะเร็ง ขจัดสารพิษ 

            - ซีลีเนียม  เป็นสารอาหารที่ช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระใกล้เคียงกับวิตามินอี  ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการ เกิดมะเร็งและโรคภัยต่างๆ ที่มากับวัยสูงอายุ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การรับประทานเห็ดหอม (ชิ้นขนาดกลางๆ 5 ชิ้น) จะให้ซีลีเนียมประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน  นอกจากในเห็ดแล้วยังมีอยู่ในธัญพืช และเนื้อสัตว์ด้วย

            - โปแตสเซียม เป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ   ความสมดุลของน้ำ ในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาทต่างๆ ทาง FDA ของสหรัฐอเมริการะบุไว้ว่า  การรับประทาน อาหารที่เป็นแหล่งของโปแตสเซียม  จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความดันเลือดสูง และอัมพฤกษ์ อัมพาต  ซึ่งใน เห็ดนั้นมีโปแตสเซียมสูง และโซเดียมต่ำ การรับประทานอาหารที่ปรุงจากเห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง 1 จาน จะให้ โปแตสเซียมได้พอๆ กับส้มหรือมะเขือเทศลูกโตๆ เลยทีเดียว 

            - วิตามินบีรวม  ในเห็ดขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบีรวม ไม่ว่าจะเป็น ไรโบฟลาวิน (ที่นอกจากจะ ได้จากเห็ดแล้ว  ยังมีมากในเครื่องในสัตว์ นม ไข่ และเต้าหู้)  ช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ  และการมองเห็น   ขณะที่ ไนอาซิน (ยังพบมากในปลาทูน่า เนื้อแดง ถั่วลิสง และอะโวคาโด)  จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบประสาท   สถาบันอาหารแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประมาณไว้ว่า  การรับประทานเห็ดแชมปิญองขนาดกลางๆ     5 ชิ้น จะได้ปริมาณไรโบฟลาวินมากพอๆ กับการดื่มนมสดถึง 8 ออนซ์

            - ทองแดง  เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการเช่นเดียวกัน เพื่อมาช่วยเสริมการทำงานของ ธาตุเหล็ก 

                                                                                                                      ที่มา : สถานีเห็ด Mushroom Station

Page [7]

แนะนำเมนูเจง่ายๆ ปรับเอาวัตถุดิบแบบไทยๆไปใช้เป็นส่วนผสมหลัก

       

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

       

        วัตถุดิบ

                   1. สายบัว ซื้อมากำนึง 20 บาท หั่นท่อนพอดีคำ ล้างน้ำไหลผ่าน

                   2. สารพัดเห็ด เลือกที่รสสัมผัสแตกต่างกนไป เลยได้ เห็ดหอม เห็ดฟาง และ เห็ดหูหนูมา อย่างละหน่อย

                       รวม 35 บาท ล้าง หั่นเตรียมไว้  แค่นี้ละ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          ต่อกันด้วยเครื่องปรุง

                       1. ซีอิ๊วขาว 1/2 ชต

                       2. ซอสถั่วเหลือง 1/2 ชต

                       3. น้ำตาล 1/2 ชช

                       4. น้ำมันงา 1/2 ชช

                       5. น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 ชต

 

           ขั้นตอนวิธีทำ

                        ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่สายบัวลงผัด ซักพัก ตามด้วยเห็ดทั้งสามอย่าง

       

 

 

 

 

 

 

 

 

                           ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล ผัดไปจนทุกอย่างสุก ก่อนยกขึ้นใส่น้ำมันงา จัดจาน

        น่าจะเป็น เมนูเจ ที่น่าสนใจ  และนำไปทำทานกันในช่วงเทศกาลเจได้อย่างสบาย

Page [8]

 เมนูเห็ด - แกงเห็ด 3 อย่าง เมนูเพื่อสุขภาพ

             โจทย์แม่มดของเดือนสิงหา คุณดาว simplyusana ขอเป็นเมนูเห็ดค่ะ  จะเป็น อาหาร คาว หวาน น้ำ แห้ง อาหารไทย อาหารเทศอะไรได้หมด  ขอให้มีส่วนผสมหลัก..เน้นว่า หลัก นะคะ ไม่เอาแบบ เห็ดโรยหน้าแทนผักชี เอ...มีหรือเปล่าหว่า...
 

 

 

 

             เห็นโจทย์แล้วบรรดาแม่มดทั้งหลายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  รวมทั้งเราด้วยเพราะชอบกินเห็ด ถึงจะไม่ได้ แปลงร่าง ไปเป็นยายฉิมเก็บเห็ด  แต่เวลาไปจ่ายตลาดต้องมีซื้อเห็ดทุกครั้ง  เอามาต้มมายำมาตำมาแกงมาใส่ราดหน้า  และมา ทำได้อีกสารพัดเมนูทั้งไทยและเทศ

Page [9]

                                 เลือกเมนูเห็ดที่ทำบ่อยที่สุดมาส่งการบ้านค่ะ เป็นแกงที่ทำง่ายและมีประโยชน์ด้วยจ้า 
เคยได้ยินชื่ออาหารเห็ดสามอย่างหรือเปล่า อาหารที่ปรุงด้วยเห็ดไม่ว่าจะแบบสด หรือแห้ง  3 ชนิดหรือ 3 ชนิดขึ้นไป จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย  เมื่อเอาเห็ดสามชนิดมาปรุงรวมกัน  จะได้โปรตีนจากเห็ด ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งาน ได้ง่ายกว่าเนื้อสัตว์  โปรตีนเหล่านี้จะไปสร้างกรดอะมิโน  ที่บำรุงสมอง   ปรับสมดุลของการสร้างเซลล์ใหม่
ในร่างกาย  ต้านการเกิดมะเร็ง  ขจัดสารพิษ  ลดไขมันในเส้นเลือด  ช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในตับและบำรุงตับ 

 นอกจากต้มทำแกงแล้ว เอามาลวก มานึ่ง มาตุ๋นได้หมดแต่ให้หลีกเลี่ยงการผัดโดยใช้น้ำมัน

สำหรับแกงเห็ดวันนี้น้ำพริกสำหรับแกงก็ง่ายๆ เลยค่ะ มีแค่หอมแดง พริก กะปิ
หอมแดงใส่มากกว่านิดหน่อยน้ำแกงจะได้หวาน พริกนี่ตามแซ่บเลยค่ะ ส่วนกะปิก็ตามชอบ

Page [10]

มะเขือเทศลูกเล็กกับชะอม 

มะเขือเทศลูกเล็กกับชะอม 

                                                                     วิธีทำที่ง่ายแสนง่าย
                                       บุบหอมแดง พริก มะเขือเทศบุบให้แตก และละลายกะปิลงต้มในน้ำสะอาด

                                       กะน้ำใส่ให้เหมาะกับเห็ดที่จะแกง พอน้ำแกงเดือดก็ใส่เห็ดลงไป

พอน้ำแกงเดือดอีกรอบก็ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ใส่ชะอมก่อนปิดเตา
ที่บ้านจะแกงง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ แต่ถ้าใส่ผงซุปปรุงรสลงไปหน่อยจะกลมกล่อมขึ้น

Page [11]

แกงร้อนๆ บางทีตักทานเปล่าๆ เพลินจนไม่ทานข้าวก็บ่อยค่ะ

บางทีก็ทำแกงรวมเห็ดหน่อไม้ใบย่านาง ไม่ได้แกงเต็มสูตรแบบแกงเปรอะแบบอิสาน
แต่ต้มแบบเดียวกันนี่แหละแต่ใส่น้ำใบย่านางและหน่อไม้ลงไป
เดี๋ยวนี้สะดวกมีน้ำย่านางต้มขายสำเร็จ เราซื้อจากแม่ค้าเจ้าประจำแถวบ้าน
ต้มแต่น้ำมาขายถุงละ 15 บาท ทำได้ทีหม้อโตเชียว

ขอขอบคุณที่มา Credit : narellan.bloggang.com

Page [11]

โปรดติดตาม   อ่านเนื้อหาบทความ    ตอนที่เหลือ   ได้ในเร็วๆนี้

ค้นหาบทความ
bottom of page